แครอท พืชหัวสีส้มสดใสที่เราคุ้นตา เป็นผักของชาวตะวันตก ที่บ้านเราเพิ่งจะรู้จักอย่างกว้างไม่เกิน 50 ปี ด้วยความกรอบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีน ไฟเบอร์ วิตามินK1 โพแทสเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งในกระเพาะ จึงกลายเป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกมุมโลก ทั้งรับประทานสดๆ สกัดเป็นน้ำแครอทเข้มข้น แครอทผง และนำไปปรุงสุกในอาหารคาวต่างๆ นอกจากนั้นยังนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางต่างๆ อีกด้วย
แครอท แม้จะเป็นพืชสไตล์ฝรั่งแต่ปลูกในบ้านเราได้ดี จะปลูกเป็นพืชผักสวนครัวก็ดีไม่น้อย เรียกได้ว่ากินพืชผักเพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง วิธีการปลูกเป็นผักสวนครัวก็เพียงแค่เตรียมดินในกระถางหรือภาชนะปลูก จะเป็นแปลงผักก็ได้ เตรียมดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกในดินร่วนปนทราย ใส่แกลบลงไปพอประมาณ เพื่อจะให้ดินร่วนโปร่งมากขึ้น ระบายน้ำได้ดี ป้องกันโรครากเน่า เพราะว่าแครอทเป็นพืชหัว ถ้าดินแข็งๆ เวลาที่ลงรากไปแล้ว หัวจะไม่ตรง ทำให้หัวไม่สวย ดินควรลึกมากกว่า 10 เซนติเมตร เพื่อให้ได้หัวแครอทยาวๆ สำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด ควรเพาะให้เป็นต้นก่อน แล้วพอแครอทแตกใบเราค่อยย้ายลงดินต่อไป แล้วค่อยแยกไปใส่กระถางอื่น สำหรับที่มีแปลงปลูกก็สามารถปลูกบนแปลงปลูกได้เลย แค่ใช้เมล็ดพันธุ์โรยหว่านบนดิน เว้นระยะให้พุ่มใบของแครอท อย่าให้ติดชิดกันมาก เพราะจะรับแสงได้ไม่เต็มที่แล้วทำให้ได้หัวแครอทเล็กเกินไป
เมื่อต้นแครอทแตกใบ เราจะเริ่มใส่ปุ๋ยคอกรอบๆ ต้นประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อต้น แต่ให้โรยห่างจากโคนต้น 2 นิ้ว เพื่อไม่ให้ดินเค็มเกินไปจนต้นตายได้ โดยต้องเติมปุ๋ยทีละน้อยอย่างนี้ทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้ต้นแครอทดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างเหมาะสม การดูแลหลังจากที่ปลูกก็เพียงแค่รดน้ำวันละ 1 ครั้งอย่างเดียว ถ้ารดเยอะเกินไปหรือน้ำท่วม ต้นไม้ก็จะตาย ถ้าน้อยเกินไปต้นไม้มันก็จะไม่โต ทำเพียงแค่นี้เราก็สามารถนับวันรอเก็บเกี่ยวพืชหัวชั้นเยี่ยมชนิดนี้มาใช้ประโยชน์ได้ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ขุดขึ้นมา ล้างทำความสะอาดเอาเศษดินออก รอให้แห้งก็นำไปกินได้แล้ว หากจะนำไปขายก็จัดใส่ถุงออกขายได้เช่นกัน
ในแง่ของการตลาดนั้นยังมีโอกาสอีกกว้างเพราะยังไม่มีผู้ผลิตแครอทมากนัก แต่ความต้องการของตลาดกลับเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ใครสนใจปลูกก็ถือว่ามีโอกาสสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเลย