ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานในคดีที่ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ยื่นฟ้อง นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีนายไทกร ให้สัมภาษณ์สื่อรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand มีข้อความหมิ่นประมาทกล่าวหาว่าโจทก์เรียกรับผลประโยชน์เพื่อขนย้ายหมูผ่านแดน
โดยศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องเเละมีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มี.ค. พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ได้ความว่า โจทก์เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand รายการทีวี MCOT พิธีกร”หมาแก่ – แมวสาว” นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ (หรือหมาแก่) และนางสาวอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ชื่อข่าว “เปิดใจ “ท.ไทกร” ถูกวางงาน เจาะลึกทั่วไทย ตอบคำถามนายดนัยและนางสาวอมรรัตน์
โดยระบุชื่อของโจทก์และตำแหน่ง ของโจทก์โดยชัดเจนทำให้บุคคลที่สามที่ได้ฟังการสัมภาษณ์ดังกล่าวย่อมเข้าใจได้ว่าบุคคลที่จำเลยกล่าวถึงคือโจทก์ ทั้งเนื้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์สามารถเข้าใจไปในทำนองว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการค้าเนื้อหมูเพื่อขนย้ายหมูผ่านแดนโดยกล่าวหาว่าเป็นเนื้อหมูเถื่อนเมื่อตกลงกันไม่ได้จึงเอาเนื้อหมูซึ่งเป็นสินค้าผ่านแดนของผู้ประกอบการไปฝัง โดยอ้างถึงชื่อโจทก์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในทำนองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องค่าบริหารจัดการและการฝังเนื้อหมูดังกล่าว
เบื้องต้นเป็นไปได้ว่าถ้อยคำที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อพิธีกรในรายการทำให้ผู้ที่ได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่แพร่กระจายภาพและเสียง
ดังกล่าวเข้าใจไปได้ว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินจากจำเลยและผู้ประกอบการค้าเนื้อหมูเป็นเงิน 38 ล้านบาท ซึ่งย่อมทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังได้
คดีของโจทก์มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา โดยภายหลังศาลรับฟ้องนายไทกรได้รับการประกันตัว
โดยนัดพร้อมเพื่อประชุมคดีสอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานทนายโจทก์ จำเลย และทนายจำเลยมาศาลจำเลยมีทนายความแล้ว ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยอีกครั้ง จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธ
โจทก์แถลงว่า โจทก์ประสงค์สืบพยาน 3 ปาก คือ โจทก์อ้างตนเองเป็นพยาน นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และนางสาวอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นนักข่าว ตามบัญชีระบุพยานใช้เวลาสืบพยานโจทก์ 1นัด เนื่องจากต้องเบิกความยาวเพราะมีข้อเท็จจริงจำนวนมาก ซึ่งในประเด็นเรื่องนี้ได้สอบทนายจำเลยแล้วแถลงว่า มีคำถามต้องถามค้านพยานโจทก์จำนวนมากเช่นเดียวกันจำเลย และทนายจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานเอกสารและพยานวัตถุที่จะอ้างเป็นพยานให้ทนายโจทก์ตรวจ
และแถลงแนวทางต่อสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ประสงค์ขอสืบพยานจำเลย 5ปาก คือ พยานอันดับที่ 1 เป็นจำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน พยานอันดับที่ 2 เป็นพยานผู้รู้เห็น พยานอันดับที่ 3และ ที่ 4เป็นนักข่าวซึ่งเป็นพยานร่วมกับพยานโจทก์ แต่หากฝ่ายโจทก์นำพยานมาสืบจะขอถามพยาน 2 ปากดังกล่าวในคราวเดียวกัน และพยานอันดับที่ 5เป็นกรรมการบริษัทที่นำเข้าส่งออกหมูสด ขอใช้เวลาสืบพยานจำเลย 1 นัด เนื่องจากพยานของจำเลยต้องเบิกความยาว
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นควรกำหนดวันนัดพิจารณาต่อเนื่อง โดยกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ 1 นัดและสืบพยานจำเลย 1นัด โดยไม่ต้องนัดตรวจความพร้อมของพยานอีก ศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่าศาลจะพิจารณาคดีติดต่อกันไปโดยไม่เลื่อนคดี เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จะทำการสืบพยานจำเลยต่อทันที โดยให้โจทก์และจำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมในวันนัดและให้คู่ความปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการเตรียมคดีโดยเคร่งครัด โดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งเเรกวันที่ 24 เม.ย.2568 เวลา 09.00 น.