วันที่ 30 พ.ค. 2567 การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดประมูลซื้อขายยางราคาพุ่งสูง ยางแผ่นดิบ ชั้น 1 ทะลุเป้า 100.30 บาท/กก. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 ปี ส่วนราคาประมูลยาง EUDR ผ่านระบบ Thai Rubber Trade (TRT) ไม่น้อยหน้า สูงสุดที่ 96.66 บาท/กก. คิดเป็นมูลค่าซื้อขายยาง EUDR รวมกว่า 180 ล้านบาท ย้ำความต้องการยาง EUDR โลกเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) ได้รับรายงานจากสำนักงานตลาดกลางยางพารา จังหวัดระยอง แจ้งราคาประมูลยางแผ่นดิบชั้น 1 ปิดราคาสูงสุดที่ 100.30 บาท/กก. โดยเป็นปริมาณยาง 282 กิโลกรัม ซึ่งนับเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี นับจากปี 2555 แม้ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เชื่อว่าเป็นผลจากความต้องการของตลาด ทำให้ราคาปรับสูงขึ้น ไม่ใช่ผลจากการทำสงครามระหว่างประเทศ โดยคาดว่าสถานการณ์ราคาจะยังทรงตัวสูงอย่างนี้ต่อเนื่อง
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประมูลซื้อขายยางตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้ หรือยาง EUDR เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) มีผู้ซื้อหลายรายสนใจเข้าประมูลยางที่สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางรวบรวมจากสมาชิกเข้ามาขายผ่านตลาดกลางของ กยท. และเป็นยางที่เป็นไปตามกฎระเบียบที่อียูกำหนด โดยผลการประมูลราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปิดราคาสูงสุดที่ 96.66 บาท/กก. และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ปิดราคาสูงสุดที่ 80.35 บาท/กก. คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 180 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าราคาประมูลยาง EUDR พุ่งทะยานเข้าใกล้กิโลกรัมละ 100 บาทแล้ว
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระดับราคาซื้อขายยาง EUDR ที่ขยับสูงขึ้น แสดงถึงความต้องการใช้ยางที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของโลกที่สนับสนุนและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ยาง EUDR กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมาตรฐานรองรับกฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ ในวันที่ 30 ธ.ค. นี้ ดังนั้น การผลักดันให้เกิดการจัดการระบบข้อมูลยางพาราของไทยที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเป็นข้อได้เปรียบและโอกาสของยางพาราไทยในการยกระดับมาตรฐานและมูลค่ายาง นำไปสู่การเพิ่มระดับรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางไทย