รมช.อรรถกร เชิญชวนเกษตรกรขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลเกษตรกร เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ และใช้ข้อมูลวางแผนเพาะปลูกฤดูกาลถัดไป ด้านกรมส่งเสริมการเกษตรพร้อมบูรณาการใช้ข้อมูลสารสนเทศด้านการเกษตร เพื่อประโยชน์ภาพรวมของประเทศ

อรรถ01
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2567 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 115 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรทั่วประเทศได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากภาครัฐ จากการนำข้อมูลทางการเกษตรมาประมวลผลและวิเคราะห์ให้เกิดข้อมูลสารสนเทศด้านการเกษตรในภาพรวมของประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA) สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งความร่วมมือจากเกษตรกรและหน่วยงานดังกล่าว สามารถนำไปพัฒนาช่องทางตลาดและเศรษฐกิจให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น 

อรรถ05

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีภารกิจขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตรสู่ความสำเร็จ ตามนโยบายตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของรัฐบาล โดยมุ่งลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งโครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2567 จะเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรให้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการภาครัฐและได้รับความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อีกทั้งสามารถนำข้อมูลไปวางแผนการเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป ซึ่งข้อมูลการลงทะเบียนฯ ทางภาครัฐจะนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี” รมช. อรรถกร กล่าว

อรรถ08

ปลัดเกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้ง กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมหม่อนไหม การยางแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาบูรณาการใช้งานร่วมกัน เพื่อช่วยในการจัดสรรทรัพยากรทางเกษตรและสวัสดิการด้านการเกษตร รวมถึงใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการพัฒนาการเกษตรและเศรษฐกิจด้านเกษตรในระยะยาวต่อไป

อรรถ12

ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งสิ้น 17.9 ล้านราย แบ่งเป็น เกษตรกร จำนวน 6.9 ล้านครัวเรือน และสมาชิกครัวเรือน จำนวน 11 ล้านราย โดยในปี 2566 มีเกษตรกรปรับปรุงข้อมูลกิจกรรมการเกษตร จำนวน 6 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 147 ล้านไร่ (นับพื้นที่แบบสะสม) กระทรวงเกษตรฯ จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรไทยที่ทำการเพาะปลูกแล้ว 15 วัน แจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทุกครั้งที่มีการเพาะปลูก ไม้ผลหรือไม้ยืนต้น ปลูกแล้ว 30 วัน หากยังยืนต้นให้แจ้งปรับปรุงข้อมูลทุกปีรอบการขึ้นทะเบียนให้ตรงตามความเป็นจริงและปัจจุบัน เพื่อรักษาสิทธิ์และโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยสามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือเกษตรกรดำเนินการด้วยตนเองทางระบบออนไลน์ ผ่านระบบ e-Form ที่เว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th และแอปพลิเคชัน Farmbook

อรรถ10
messageImage 1716961376216

“ขึ้นทะเบียนเกษตรกร รักษาสิทธิ รับโอกาสและการช่วยเหลือจากภาครัฐ” พร้อมบูรณาการใช้ข้อมูลสารสนเทศด้านการเกษตร เพื่อประโยชน์ภาพรวมของประเทศ

LINE ALBUM 2952024 240529 0
นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

ด้านนายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรมีการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรในกลุ่มผู้ปลูกพืช ทำไร่นาสวนผสม ทำนาเกลือสมุทร และเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ เพื่อให้มีฐานข้อมูลเกษตรกรทั้งประเทศ ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและยังมีสถานะการเป็นเกษตรกรอยู่จำนวน 6.9 ล้านครัวเรือน และมีสมาชิกครัวเรือน จำนวน 11 ล้านราย รวมทั้งหมด 17.90 ล้านราย โดยในปี 2566 มีเกษตรกรปรับปรุงข้อมูลกิจกรรมการเกษตร จำนวน 6 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 147 ล้านไร่ (นับพื้นที่แบบสะสม) จึงได้จัดงานแถลงข่าวการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2567 ขึ้น ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นการ Kick off การรณรงค์ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2567 พร้อมกันทั่วประเทศ โดยได้รับเกียรติจากนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว

LINE ALBUM 2952024 240529 0 0

“ในปี 2567 กรมส่งเสริมการเกษตรเน้นการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลปรับปรุงกิจกรรมการเกษตรตามข้อเท็จจริงด้วยตนเองผ่าน Mobile Application และWeb Application และร่วมบูรณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และร่วมพัฒนาระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ในการรวมบริการต่าง ๆ ของภาครัฐสำหรับประชาชนผ่าน “แอปพลิเคชัน ทางรัฐ” และ “แอปพลิเคชัน ThaID” ของกรมการปกครอง เพื่อความสะดวกของเกษตรกร และยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งบริหารจัดการและบำรุงรักษาฐานข้อมูลหลัก และระบบที่เกี่ยวข้อง สำหรับให้บริการบันทึกข้อมูลและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้ทะเบียนเกษตรกรมีข้อมูลที่ครบถ้วน นำไปสู่การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตร จัดทำสารสนเทศด้านการเกษตรในภาพรวมของประเทศ สามารถนำไปเผยแพร่บูรณาการใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานด้วย Digital Transformation โดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ร่วมกับการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องมาใช้ เช่น การตรวจสอบข้อมูลพื้นที่และขอบเขตเอกสารสิทธิ์ น.ส. 4 จากกรมที่ดิน การตรวจสอบข้อมูลบุคคล จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบและดึงข้อมูลเกษตรกรจากทะเบียนราษฎร ผ่านระบบ Linkage center แบบออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งเป็นการบูรณาการฐานข้อมูลกับหน่วยงานภายนอกด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real Time มีการตรวจสอบการเพาะปลูกแต่ละชนิดพืช ด้วยการแปรภาพถ่ายดาวเทียมของ Gistda รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของสังคม โดยการติดประกาศภายในชุมชน 3 วัน หรือการทำประชาคม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีแผนที่ GIS โดยการจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล หรือวาดผังแปลงด้วยระบบ Geoplots ที่มีทั้งในรูปแบบ Mobile Application และWeb Application ซึ่งทำให้ข้อมูลเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง มีประโยชน์ต่อทั้งตัวเกษตรกรเอง และภาครัฐ โดยเฉพาะเกษตรกร นอกจากจะสามารถนำข้อมูลไปวางแผนการทำการเกษตรฤดูกาลถัดไปแล้ว ยังมีสิทธิการเข้าถึงสวัสดิการด้านเกษตร ได้แก่ การช่วยเหลือภัยพิบัติด้านพืช การเข้าร่วมการประกันภัยพืชผลซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการหรือมาตรการนั้น ๆ การเข้าร่วมโครงการมาตรการภาครัฐอื่น ๆ และการพัฒนาความรู้และทักษะด้านอาชีพส่วนภาครัฐก็สามารถนำข้อมูลไปวางแผนพัฒนาการเกษตร การจัดการด้านการผลิตและการตลาด การส่งเสริม และสนับสนุน การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร จากผลการดำเนินการที่ผ่านมา เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือตามโครงการและมาตรการภาครัฐครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช มากกว่า 4 แสนครัวเรือนต่อปี วงเงินช่วยเหลือ 6 พันล้านบาท, โครงการประกันภัยพืชผล มากกว่า 1 แสนครัวเรือนต่อปี วงเงิน 1 พันล้านบาท, โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.6 ล้านครัวเรือนต่อปี วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เป็นต้น

กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรไทยทุกท่านที่ทำการเพาะปลูกแล้ว 15 วัน แจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทุกครั้งที่มีการเพาะปลูก ไม้ผลหรือไม้ยืนต้น ปลูกแล้ว 30 วันหากยังยืนต้น ให้แจ้งปรับปรุงข้อมูลทุกปีรอบการขึ้นทะเบียน ให้ตรงตามความเป็นจริงและปัจจุบัน เพื่อรักษาสิทธิ์และโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยสามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือเกษตรกรดำเนินการด้วยตนเองทางระบบออนไลน์ ผ่านระบบ e-Form ที่เว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th และแอปพลิเคชัน Farmbook
“ขึ้นทะเบียนเกษตรกร รักษาสิทธิ์ รับโอกาสและการช่วยเหลือจากภาครัฐ”