มะขาม พืชที่ให้ผลผลิตเป็นทั้งผลไม้ พืชผักปรุงอาหาร และสมุนไพรชั้นยอดในตัว นอกจากนำมะขามอ่อนมาจิ้มกะปิหรือน้ำปลาหวานให้หายเปรี้ยวปากแล้ว มะขามหวานสุกก็นำมารับประทานเล่นได้สบาย ส่วนมะขามเปรี้ยวที่สุกแล้วก็เข้าเครื่องทำอาหารได้เลิศเลอไม่แพ้กัน อยากให้แกงส้มหรือน้ำจิ้มแจ่วเข้มข้น ก็ต้องมีน้ำมะขามเปียกเจือเข้าไปด้วย และมะขามก็ยังถูกนำแปรรูปได้หลายแบบ ทั้งขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มน้ำมะขามเย็นชื่นใจ หรือนำไปผสมเข้าตำรับยาแผนโบราณก็มีไม่น้อย ทำเป็นชาเพื่อระบายท้องก็มีอยู่หลายยี่ห้อ ไม่ดีจริงคงไม่ได้รับความนิยมถล่มทลายขนาดนี้
เรามาคุยเรื่องมะขามสุกกันดีกว่า เพราะคนนิยมกันมากกว่า โดยแบ่งเป็นมะขามเปรี้ยวกับมะขามหวาน มะขามหวานนั้นปลูกกันเยอะมาก แต่ก่อนเคยได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 200 บาท จึงทำให้เกษตรกรยุค 50ปีที่แล้ว ล้มพืชชนิดอื่นแล้วมาปลูกมะขามหวานกันเป็นทิวแถว จนมีผลผลิตออกมามากมาย ทำให้ผลผลิตขายได้ราคาต่ำลงเหลือเพียงกิโลกรัมละถึง 80 บาท ทำให้เกษตรกรหลายคนหันไปปลูกพืชอื่นทดแทน
แต่ที่น่าเสียดายคือ ปัจจุบันในตลาดกลับขาดแคลนมะขามเปรี้ยว ทำให้ราคามะขามเปียกและราคามะขามเปรี้ยวสดพุ่งทะยานไปไกล ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้เกษตรกรวางแผนปลูกต้นมะขามเปรี้ยวไว้ในสวนซัก 5 ต้น 10 ต้น เอาเมล็ดมาโรยทำแนวเป็นรั้ว ปักเขตก็ได้ และวางแผนแปรรูปให้เสร็จสรรพ จะได้ไม่ต้องเจอกับเรื่องผลผลิตล้นตลาด ชิงราคากันเอง เพราะมะขามเปรี้ยวนั้นนำมาแปรรูปได้หลากหลายกว่ามะขามหวาน
การปลูกมะขามนั้น เป็นไปตามความเชื่อโบราณที่ว่า เป็นไม้มงคล บ้านไหนปลูกไว้ฝั่งตะวันตกของบ้าน จะทำให้เกิดความเกรงขามแก่ผู้มาเยือน ทำให้คนในบ้านนั้นไปที่ไหนก็มีบารมี และกิ่งมะขามยังถูกนำไปใช้ในการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อปัดเป่าเรื่องร้ายๆ อีกด้วย ดังนั้นปลูกไว้ไม่เสียหายทั้งให้ร่มเงาและยังสามารถทำเงินได้อีกด้วย
มะขามเปรี้ยว พันธุ์ที่นิยมในตลาดก็เป็นมะขามเปรี้ยวพันธุ์กระดาน ที่มีฝักใหญ่ ให้เนื้อมาก ทำให้เราสามารถนำมาแปรรูปเป็นมะขามเปียกและมะขามแช่อิ่มได้เต็มที่ ปลูกเพียง 3 ปีก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วแม้จะได้เพียงไร่ละ 3 ตัน 5 ตัน ก็ทำเงิน พอเข้าปีที่ 7-8-9 ก็จะได้ผลผลิตถึง 6 ตันเลยวิธีการสร้างรายได้ที่เพื่อนเกษตรบางท่านทำแล้วได้เงินเป็นกอบเป็นกำ คือ การแปรรูปมะขาม เป็นมะขามแช่อิ่ม ราคาเพิ่มขึ้นเยอะและยังมีตลาดต้องการอีกมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ