มะกอก ถ้าเป็นคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ จะนึกถึงน้ำมันมะกอกที่นำเข้าจากต่างประเทศ สำหรับใช้ปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ แทนการใช้น้ำมันพืชทั่วไป ซึ่งน้ำมันมะกอกจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันพืชทั่วไป อยู่ประมาณ 5 เท่าตัว บางเกรดแพงกว่าเป็น 10 เท่า เป็นเพราะน้ำมันมะกอกมีกรดไขมันดี ที่ช่วยสัดส่วนลดไขมันไม่ดีในกระแสเลือดเราได้ มีสารอาหารอื่นๆ ซึ่งมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพมากมาย และที่สำคัญเมืองไทย ยังปลูกมะกอกพันธุ์น้ำมันหรือมะกอกโอลีฟนี้เองไม่ได้ ต้องนำเข้าอย่างเดียว แม้บ้านเราจะทดลองปลูกมะกอกโอลีฟมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็เติบโตแค่ต้นกับใบแต่ไม่มีผลติดเลย
ดังนั้นบ้านเราจึงปลูกได้แต่มะกอกพื้นบ้านอย่าง มะกอกป่า มะกอกน้ำ และ มะกอกฝรั่ง ซึ่งทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ให้ผลเป็นอาหารที่มีสรรพคุณสมุนไพร แต่ไม่มีพันธุ์ไหนที่ให้น้ำมัน ได้เลย แต่ก็ไม่เสียหายอะไรเพราะ ต้นมะกอกเหล่านี้ เป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นที่สร้างรายได้เงียบๆ ให้กับทั้งเกษตรกรผู้ปลูกและแม่ค้าที่นำผลมะกอก ไปแปรรูปขายเป็นอาหารว่าง ทานเล่นได้หลายชนิด ทั้งมะกอกดอง แช่อิ่ม เชื่อม หรือ กินผลสด ซึ่งขายดีแบบเงียบๆ มานานหลายสิบปีแล้ว เพราะรสชาติถูกลิ้นคนไทย
เกษตรกรคนไหนที่ปลูกพืชเกษตรแบบผสมผสาน การปลูกมะกอกทั้ง 3 พันธุ์นี้ สะสมเก็บไว้ในสวนบ้างก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อเป็นการสร้างรายได้สะสมที่มั่นคงในระดับท้องถิ่นได้ ด้วยอาศัยมะกอก สายพันธุ์บ้านๆ ของเราเอง ดังนั้นเราลองมาดูกันว่าผลมะกอก ทั้ง 3 พันธุ์นี้ ต่างกันอย่างไร และนำไปใช้แปรรูปเป็นอะไรได้บ้าง
มะกอกน้ำ เป็นไม้ผลยืนต้น สูง 8-15 เมตร เรือนยอดเป็นทรงพุ่มกลมกว้างและโปร่ง เติบโตได้ดีแถบริมน้ำ เกษตรกรนิยมปลูกต้นมะกอกน้ำไว้ตามริมร่องสวน เพื่อให้รากช่วยยึดหน้าดิน มีผลกลมรี คล้ายกับไข่นกกะทา ผลอ่อนสีเขียว ผิวเกลี้ยง มีรสฝาดเปรี้ยว นิยมใช้ผลทั้งเปลือกดองน้ำเกลือ แช่อิ่ม กินคู่กับน้ำปลาหวาน ช่วยทำให้ชุ่มคอและช่วยระบายท้อง
มะกอกป่า เป็นไม้ยืนต้น สูง15-25 เมตร ลำต้นตั้งตรง เรือนยอดโปร่งเป็นพุ่มกลม มักพบได้ตามป่าดิบแล้งทั่วทุกภาค ผลรูปไข่ขนาดเท่ามะปราง เนื้อน้อย เมล็ดใหญ่ รสเปรี้ยวฝาด ผลแก่มีสีเหลืองคล้ำ นิยมนำผลแก่สดมาดองหรือมาตำใส่ส้มตำ น้ำพริก ยำ และทำอาหารอื่นๆ ที่ต้องการรสเปรี้ยวแบบกลมกล่อม ส่วนยอดใบอ่อนกินสดเคียงกับน้ำพริก ลาบ ส้มตำ ผลและใบมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูง
มะกอกฝรั่ง เป็นไม้ยืนต้น สูง 7-12 เมตร ทรงพุ่มคล้ายมะกอกป่า ปัจจุบันมีการปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีต้นเตี้ยไม่เกิน 3 เมตร แต่ให้ผลดกได้ตลอดปี ในมะกอก 3 พันธุ์นี้ มะกอกฝรั่งจะให้ผลขนาดใหญ่ที่สุดคล้ายลูกพุทรา เมล็ดใหญ่มีเสี้ยนหยาบ ผลนิยมปอกเปลือกกินสด เพราะมีรสเปรี้ยวปนหวานมันและกรอบ นิยมจิ้มพริกเกลือหรือน้ำปลาหวาน และปั่นเป็นน้ำผลได้ด้วย มีวิตามินเอ วิตามินซี และ แคลเซียมสูง
ลองชั่งใจกันดูว่า อยากจะลองปลูกกันบ้างไหม เพราะเป็นพืชผลที่ขายได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ