“มะเขือม่วง”เป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปอเมริกายุโรปที่นิยมรับประทานกับอาหาร ประเภทเผาย่าง หรือแม้แต่ในทวีปเอเชียเอง ทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่แล้ว เกษตรกรในประเทศไทยมักจะปลูกไว้ เพื่อรับประทานตามครัวเรือน และยังปลูกไว้ขายทั้งในและต่างประเทศ โดยไทยส่งออกมะเขือม่วงไปยังประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด
มะเขือม่วง นั้น เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ได้ในระยะเวลาเกิน 1 ปี โดยมีลำต้นที่ไม่สูงมากและแตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นจำนวนมาก จนมีลักษณะต้นคล้ายทรงพุ่มใบเรียวยาว และหยักคล้ายเกลียวคลื่น มีขนปกคลุมไปทั่วทั้งใบ ผลของมะเขือม่วงนั้นจะมีลักษณะกลมรีคล้ายหยดน้ำ หรืออาจจะมีลักษณะเรียวยาวทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่เลือกนำมาเพาะปลูก
การปลูกมะเขือม่วงนั้นสามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ด โดยจะเลือกใช้วิธีการเพาะในแปลงเพาะชำ หรือเพาะในกระบะชำก็ได้ครับ หากเป็นการเพาะในกระบะเพาะ ให้เริ่มจากการนำดินมาผสมกับปุ๋ยคอก โดยให้ดินมีอัตราส่วน 1 ต่อ 3 ของปุ๋ยคอก และอาจจะใส่แกลบดำ หรือขุยมะพร้าวเข้าเป็นส่วนผสมด้วยก็ได้ เมื่อเตรียมดินเรียบร้อยแล้วก็ให้ใช้วิธีการหยอดเมล็ดลงไปในกระบะเพาะ โดยให้หยอดหลุมละ 2 เมล็ด จากนั้นก็นำทางมะพร้าวมาบังร่มไว้พอประมาณ หรือจะปลูกไว้ในที่ไม่มีแสงแดดจ้าก็ได้ วิธีดูแลก็เพียงแต่รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป 10 ถึง 15 วันหรือสังเกตเห็นแล้วว่ามีใบกล้าของมะเขือม่วงออกมาประมาณ 4-5 ใบก็เป็นอันว่าสามารถย้ายลงแปลงปลูกได้แล้ว
สำหรับการปลูกในแปลง ให้ไถพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืชออกจากแปลง โดยไถพรวนประมาณ 2 รอบและก่อนที่จะไถรอบที่ 2 ให้นำปุ๋ยคอกในอัตรา 3-4 ตันต่อ 1 ไร่ โรยลงไปในดินที่ต้องการจะปลูก จากนั้นก็ให้พรวนดินให้เข้ากัน จะเลือกปลูกแบบยกร่อง หรือปลูกแบบธรรมดาก็ได้ โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวประมาณ 80 ถึง 100 เซนติเมตร การย้ายกล้ามาปลูกในแปลงปลูกนั้น จะนิยมปลูกกันในช่วงหน้าฝน มะเขือม่วงจะเติบโตได้ดีจะได้ปริมาณน้ำเป็นจำนวนมาก และทำให้ดินชุ่มชื้นมีผลต่อการเจริญเติบโตของมะเขือม่วง การย้ายแปลงปลูกนั้นจะต้องรดน้ำให้ทั่วแปลงก่อน จึงทำการย้ายในทันทีโดยให้ขุดหลุมลึกประมาณ 10 ถึง 15 cm ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ก็จะสามารถปลูกได้ประมาณ 1,200 ต้น
จากนั้นก็ให้ดูแลต้นมะเขือม่วงโดยการให้น้ำ ควรให้น้ำทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากการปลูกมะเขือม่วงลงแปลง 14 วัน จนต้นเริ่มออกดอกและเริ่มเจริญเติบโตขึ้นก็ให้สามารถรดน้ำได้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง และการใส่ปุ๋ยนั้นสามารถใส่ปุ๋ยได้หลังจากการปลูกประมาณ 1 เดือนหรือประมาณ 20-25 วันโดยใส่ปุ๋ยคอก 2 กำมือต่อต้น และกำจัดวัชพืชได้เดือนละ 1 ครั้งในขณะที่ต้นกำลังเจริญเติบโตและเมื่อต้นโตเต็มวัยแล้วก็สามารถปล่อยไปตามธรรมชาติได้ เพราะต้นมะเขือม่วงนั้นทนต่อสภาพอากาศโรคภัยต่างๆ
ใช้เวลาประมาณ 45 ถึง 60 วันหลังจากที่ปลูกต้นมะเขือม่วงลงแปลงแล้ว ก็สามารถเก็บเกี่ยวมะเขือม่วงได้ ผลมะเขือม่วงสามารถเก็บไว้ได้นาน วิธีการเก็บเพียงแค่ใช้กรรไกรตัดตรงก้านผลก็จะได้ผลมะเขือม่วงแล้ว เกษตรกรสามารถนำพันธุ์มะเขือม่วงมาปลูกกันได้เพราะนอกจากจะบริโภคในครัวเรือนได้แล้วยังสามารถนำไปขายสร้างรายได้ดีอีกด้วย