เจาะกลางใจ โดยขุนพิเรนทร์
ปัญหาสวมสิทธิ์ทุเรียน เป็นเรื่องใหญ่ แต่ระดับนโยบายเงียบจัง ไม่หือไม่อือ ไม่มีแอ็คชั่น สั่งการ หรือแม้แต่เป็นผนังกำแพงให้หน่วยปฏิบัติงาน
การสวมสิทธิ์ทุเรียนเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นสิ่งที่ระดับนโยบายต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้
หรือว่าเรากำลังปลื้มปริ่มกับผลงานส่งออกทุเรียน 500,000 ตัน บวกทุเรียนใต้ที่กำลังเริ่มจะออกสู่ตลาดมากสุดในเดือนนี้ บวกเลขในใจแล้วปีนี้ เราส่งออกทุเรียนได้แน่ๆอย่างต่ำๆต้องมี 7-800,000 ตัน อย่างนี้หรือเปล่า
ทำไมประเด็นทุเรียน 2 ตู้เป็นประเด็นใหญ่ ลองหลุดไปด้วยคุณภาพแบบทุเรียนทุเรศแบบนั้น จะสร้างความฉิบหายทางภาพลักษณ์ให้กับวงการทุเรียนแค่ไหน ปีนี้ชาวสวน ล้ง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพยายามแทบตายเพื่อให้ราชาผลไม้บ้านเรามีคุณภาพ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ทุเรียน 2 ตู้นี่หละจะสามารถเขย่าวงการทุเรียนไทยในจีนให้เป็นภาพจำ เรื่องนี้ระดับนโยบายควรออกแอ็คชั่นแบบหนักๆด้วยซ้ำ รวมไปถึงการหาต้นตอ และถือโอกาสชำระสะสางเหลือบลิ้นที่ทำมาหากินกับทุเรียนด้อยคุณภาพ ที่นับวันจะโตวันโตคืนปั่นตลาดวงการทุเรียนบ้านเรา
“ขบวนการทุเรียนทุเรศ” ปีนี้มีหลายรูปแบบ ขุนพิเรนทร์ขอยกตัวอย่างมาแค่สามเรื่อง แบบแรกแอบอ้างเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ รับเคลียร์ล้งทุเรียนอ่อน ข่าวดังหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายเรื่องเงียบ
แบบต่อมาแอบส่งทุเรียนอ่อนออกนอก เพื่อให้เป็นข่าวลบที่จีนแล้วกดราคาชาวสวน
พวกที่สามที่คือนำเข้าทุเรียนสดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาถูกกว่าบ้านเรา (กฎหมายไม่ได้ห้ามนำเข้าก็จริงแต่ให้นำเข้าเพื่อแปรรูป) และที่ขบวนการทุเรียนทุเรศทำคือเป็นอีแอบสวมสิทธิ์นำทุเรียนเพื่อนบ้านใส่โจงกระเบนเป็นทุเรียนไทยส่งไปขายจีน (ขบวนการนี้ทำให้คนที่นำเข้าทุเรียนมาแปรรูปสร้างมูลค่าเสื่อมเสียไปด้วย)
พวกทุเรียนทุเรศนี้หละครับคืออาชญากรรมแผ่นดิน ระดับนโยบายต้องเล่นเองแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้สวพ.6 และทางจันทบุรีเล่นบทพระเอกอย่างเดียว เจอแรงอัดคืนมากๆกองเชียร์พระเอกก็เหนื่อยแทนเหมือนกัน
เรื่องหนักๆก็เล่นหน่อยเถอะครับ ดีกว่ารอแถลงความสำเร็จ บอกตัวเลขสวยๆ
ที่สำคัญ แหล่งข่าวแจ้งเตือนมา…ขบวนการทุเรียนทุเรศเพลานี้ย้ายฐานไปเขย่าที่ใต้แล้ว ใครจะรับผิดชอบต่อ ที่สำคัญ ตอนี้ใหญ่จริง ทำเป็นขบวนการ ผลประโยชน์ตู้ละล้าน ใช่ย่อยที่ไหน แอบทำหล่นข้างทางตู้ละ 400,000 ได้สบายๆ
อ๋อ…เกือบลืม มีคนฝากแซว แซวใครไม่รู้นะขอรับ แถลงข่าวตัวเลข นึกว่าเป็น “เลขาสศก.”