ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงในการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า รัฐบาลชุดนี้ได้พยายามที่จะรักษาเสถียรภาพราคายางพาราให้สมดุลทั้งปริมาณการซื้อและการขาย และจากการเจรจากับสหภาพยุโรป รวมถึงองค์กรต่างๆ ขอให้ไทย อย่าใช้นโยบายที่เตือนกลไกการตลาดเลยเด็ดขาด รวมทั้งให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดโลกที่ต้องการยางพาราที่ได้รับมาตรฐานตามกฎหมาย EUDR ของสหภาพยุโรป ภายใต้กฎระเบียบว่าด้วยการส่งสินค้าปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือเป็นการทำเกษตรแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยขอให้ไทยเป็นประเทศนำร่อง ในเรื่องนี้ ควบคู่กับการรณรงค์ให้มีการใช้ยางพาราในประเทศให้มากที่สุด จนในปัจจุบันราคายางพาราปรับตัวดีขึ้น จนชาวสวนยางพอใจ
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาราคาสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการลักลอบนำเข้าสุกรเถื่อน และวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่นำเข้ามีราคาสูง ขณะที่ปัจจัยภายในมีมาตรการควบคุมโรค AFS ทำให้สุกรล้นตลาดและความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาคือการปราบปรามควบคุมสุกรเถื่อนอย่างเข้มงวด โดยยึดความผิดตามกฏหมาย เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงลดปริมาณตามลูกสุกรไปแปรรูปเป็นหมูหัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสามารถทำให้ราคาหน้าฟาร์มกับต้นทุนสมดุลกันได้แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือผู้บริโภคที่ต้องซื้อสุกรในราคาที่สูงขึ้น จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรขึ้นมาโดยมีสมาคมผู้เลี้ยงสุกรและผู้ประกอบการนำเข้า รวมถึงตัวแทนที่เกี่ยวข้อง รวมกันควบคุมดูแลราคาสินค้าให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
ขณะที่การแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ เพราะส่งผลกระทบต่อชาวประมง 23 จังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มประมงพื้นบ้านเกือบ 50,000 ครอบครัว ที่ไม่สามารถทำการประมงได้ รัฐบาลจึงแก้ไขกฎหมายรอง 19 ฉบับ ให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ดังเดิม พร้อมทั้งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำ ที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกำหนดแนวทาง การนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำตามหลัก IUU คือ การตรวจสอบย้อนกลับเพื่อป้องกันโรคระบาด และมีการเก็บค่าธรรมเนียมการนำเข้า เพื่อลดปริมาณน้ำเข้า และมาซื้อสัตว์น้ำจากชาวประมงไทยแทน