นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “เปิดชม ชิม ผลผลิตอินทผลัมนนทบุรี” เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลผลิตอินทผลัมและผลไม้ของจังหวัดนนทบุรี ณ ศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอบางใหญ่ สวนปามี 98 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายวิทยา ชพานนท์ นายอำเภอบางใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ประธานหอการค้าจังหวัดนนทบุรี เกษตรจังหวัดนนทบุรี ประธานศูนย์เรียนรู้ฯ พร้อมด้วยสื่อมวลชนและเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมงาน
นายสุจินต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า นนทบุรีเป็นแหล่งผลิตผลไม้มีคุณภาพและมีราคาสูงหลายชนิดนอกจากทุเรียนนนท์แล้ว ยังมีกระท้อนห่อบางกร่างและผลไม้อื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศ โดยจังหวัดนนทบุรีได้มีนโยบายยกระดับสินค้าเกษตรให้มีความปลอดภัยมีคุณภาพและมีมาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคภายใต้แบรนด์นนทบุรี การันตีซึ่ง “อินทผลัม “ เป็น 1 ในสินค้าเกษตรที่ได้รับมาตรฐานดังกล่าว ถึงแม้ ” อินทผลัม” จะมีจำนวนพื้นที่ปลูกในจังหวัดไม่มากแต่มีมูลค่าการจำหน่ายสูง สามารถจำหน่ายได้ทั้งผลสดและต้นพันธุ์
สำหรับการจำหน่ายผลสดสร้างรายได้ปีละ 1 ครั้ง โดยราคาขายของผลผลิตเฉลี่ย “อินทผลัมสด” อยู่ที่ 500-600 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ในช่วงฤดูกาล 45 วัน ถือว่าทำรายได้สูงให้แก่เกษตรกร ที่ปลูกอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสวนปามี 98 ได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดนนทบุรี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาท่องเที่ยวและชิม “อินทผลัม” รวมทั้งเรียนรู้วิธีการปลูก “อินทผลัม” นำไปสร้างรายได้เป็นอาชีพได้
นาง ธมลทัศน์ ทัพพระจันทร์ เกษตรจังหวัดนนทบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดนนทบุรี มีพื้นที่การปลูกไม้ผลจำนวน 2,887 ไร่ เกษตรกร 994 ครัวเรือน โดยเฉพาะ “อินทผลัม” มีการปลูกทั้งจังหวัดเพียงจำนวน 72.43 ไร่ เกษตรกร 11 ครัวเรือน สำหรับอำเภอบางใหญ่มีพื้นที่ปลูกจำนวน 26.75 ไร่ เกษตรกร 3 ราย แม้พื้นที่การปลูกไม่มาก แต่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูง
“อินทผลัม”จัดเป็นพืชตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง มีการปลูกหลากหลายสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์บาฮีเหลือง สายพันธุ์บาฮีแดง สายพันธุ์คาลาส สายพันธุ์ โคไนซี่ เป็นต้น สามารถเติบโตได้อย่างดีในเขตที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปัจจุบันได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีความอุดมไปด้วยวิตามินและไฟเบอร์ ให้พลังงานสูงช่วยลดอาการอ่อนเพลียและเสริมสร้างความแข็งแแรงให้ร่างกายได้
ด้านนายสุเทพ กังเกียรติกุล เจ้าของสวนอินทผลัมปามี 98 และประธานศูนย์เรียนรู้เชิงเกษตร กล่าวว่า ด้วยความที่ครอบครัวเป็นเกษตรกรชาวสวนทำให้ตนซึมซับความชอบมาตั้งแต่เด็ก โดยตนจะเลือกปลูกผลไม้ที่ได้ราคาดี หรือออกผลผลิตนอกฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งในปี 2554 ได้เริ่มหันมาปลูก “อินทผลัม” อย่างจริงจัง โดยเริ่มศึกษาเรียนรู้พัฒนาลองผิดลองถูกอยู่หลายปี จนพบว่า “อินทผลัม” ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จะมีรสชาติที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น เนื่องจากดินในจังหวัดนนทบุรีเป็นดินสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่ตกตะกอนทับถมมาหลายร้อยปี จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้ผลไม้ที่เพาะปลูกในจังหวัดนนทบุรีมีรสชาติที่ดีที่สุด เช่น ทุเรียนนนท์ กะท้อนบางกร่าง มังคุดนนท์ และอินทผลัม
เจ้าของสวนอินทผลัมปามี 98 กล่าวอีกว่า ตนจึงได้ปรึกษาหารือกับทางประธานหอการค้าจังหวัดนนทบุรีเพื่อให้ช่วยผลักดันให้ทางหอการค้าของจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ สนับสนุนให้ “อินทผลัม” เป็นผลไม้ส่งออกเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ต่อไปในอนาคต เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศแถบอาหรับซึ่งเป็นต้นตำรับในการเพาะปลูกผลไม้ชนิดนี้ ในปัจจุบันยังให้การยอมรับว่า “อินทผลัมของไทย” มีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมกว่าผลผลิตจากประเทศอื่น ๆ ทำให้มีการสั่งซื้ออินทผลัมจากไทยเป็นจำนวนมาก แต่ผลผลิตมีไม่เพียงพอกับความต้องการของต่างประเทศ
ทั้งนี้หากทางหอการค้าช่วยส่งเสริมและรัฐบาลผลักดันให้ “อินทผลัม” เป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกตัวใหม่ได้ ก็จะสร้างรายได้ให้กับชาวสวนอินทผลัมตามมา และส่งผลให้เกษตรกรบางส่วนหันกลับมาเพาะปลูกอินทผลัมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเนื่องจากได้ผลตอบแทนราคาดีและเป็นที่ต้องการของต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้เข้าประเทศได้อีกทาง ซึ่งปีที่ผ่านมาสวนอินทผลัมของตนสามารถสร้างรายได้กว่า 12 ล้านบาทต่อปี