นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า จากนโยบายการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร การปศุสัตว์ ล่าสุดได้รับรายงาน จากกรมปศุสัตว์ว่า เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ จังหวัดตาก ปศุสัตว์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ชุดเฉพาะกิจพญานาคราช ได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันกระทำผิดกฎหมายบนถนนเส้นทางระหว่างอ่างเก็บน้ำห้วยลึกไปยังจุดตรวจห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้พบ “รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮิโน่ สีขาว คลุมผ้าใบรอบคัน หมายเลขทะเบียน 70-3130 สุโขทัย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและเรียกรถยนต์บรรทุกดังกล่าวให้จอดเพื่อตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่า รถดังกล่าวบรรทุกโคเพศผู้ จำนวน 26 ตัว โดยมีนายสุเมธ ปานเขียว เป็นผู้ขับขี่ จึงได้ขอตรวจสอบใบอนุญาตในการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้เจ้าหน้าที่สารวัตรกรมปศุสัตว์ทำการตรวจสอบแต่ไม่สามารถนำมาให้ได้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ทำการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ ภายในเขตเฝ้าระวังโรคระบาดปากและเท้าเปื่อย โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 22บทลงโทษมาตรา 65 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวคนขับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด ส่วนของกลางโคมีชีวิต พนักงานสอบสวนได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าปศุสัตว์ดำเนินการตามระเบียบกรมปศุสัตว์ต่อไป
โฆษกเกษตร กล่าวด้วยว่ากระทรวงเกษตรได้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ แม้จะแค่ 1 ตัว ก็ถือว่าอันตราย และอาจสู่การระบาดสัตว์ภายในประเทศได้ เนื่องจากวัวที่นำเข้าโดยวิธีการผิดกฎหมาย ไม่ผ่านด่านศุลกากร ไม่ผ่านการตรวจคัดกรองโรคปากเท้าเปื่อย จะเป็นการแพร่ระบาดของโรค และสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรได้ในวงกว้าง
โดยที่ผ่านมานายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ ให้ใช้ความเข้มข้นการตรวจสอบทุกด่านตามตะเข็บชายแดนเพื่อป้องกันการทะลักเข้าโคมีชีวิต (โคเถื่อน) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทย โดยในส่วนของไทยต้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาด เป็นพิเศษตามนโยบายในการเตรียมตัวส่งออกโคมีชีวิต ผ่านการรับรองคุณภาพ “ปลอดโรคปลอดภัย” เพื่อสร้างหลักประกันและความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าด้วย