“ธรรมนัส” ปลุกจิตสำนึก เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ต้องกล้าชี้แจงความจริง พร้อมจัดสรรที่ดินไม่รุกป่า เดินหน้า เอาผิดข้าราชการประพฤติมิชอบออกเอกสารสิทธิไร้จิตสำนึก สั่งที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ประสาน ปปป. ปปง. ลุยสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง 7 มี.ค.นี้ ย้ำเจ้าของรีสอร์ตที่ไม่ใช่เกษตรกรอ้างสิทธิ โดนยึดคืนทั้งหมด ขณะที่เบรกนักวิชาการ อย่าด้อยค่า ส.ป.ก. ไม่รู้จริงอย่าพูดมั่ว
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในงานครบรอบวันสถาปนา 49 ปี สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า การจัดสรรที่ดินต้องยึดหลักกฎหมาย ส.ป.ก. ปี 2518 เป็นหลัก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกินเป็นหลัก เปรียบเหมือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีผู้บังคับการทุกจังหวัด พื้นที่ไหนทำผิดผู้บังคับการต้องรับผิดชอบชอบ ในส่วน ส.ป.ก.เช่นกัน มีหัวหน้าส่วนในแต่ละจังหวัด 72 แห่งรับผิดชอบชัดเจน เมื่อกระทำผิดก็ต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน และการกระทำผิดพื้นที่เดียว ก็ไม่ควรถูกเหมารวมว่า คน ส.ป.ก. เป็นคนชั่วทั้งหมด
ทั้งนี้ ในกรณีที่ มีนักวิชาการ มาประนาม ดูถูก ต้องกล้าชี้แจงความจริงต้องกล้าโต้ตอบ ไม่งั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มความภาคภูมิใจ ตนในฐานะรัฐมนตรี และมีรัฐมนตรีช่วยอีก2คน ล้วนผ่านงานมา ทั้งสิ้นและทุกคนไม่ธรรมดา และมีที่ปรึกษาฝ่ายภาคเมืองที่เข้มแข็ง ขอให้ข้าราชการ “อย่าหงอย”
ทั้งนี้หากพบว่า มีข้าราชการคนใด เอาตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ ไปหากินโดยมิชอบ โดยใช้ช่องว่างของกฎหมายจะตัองรับผิดชอบ และตนพร้อมที่จะตัดนิ้วร้ายทิ้งได้ทันที อย่างไรก็ตามตนรู้สึกผิดหัง เนื่องจากให้ความไว้ใจข้าราชการในกระทรวงฯ ต่อการทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งมีบางคนที่ตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เคยกระทำผิดและตนก็ให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็ยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงให้เห็นว่า บุคคลนี้เป็นนิ้วเน่า ตนจึงจำเป็นต้องตัดทิ้ง
อย่างไรก็ตาม หากจะให้ตัดนิ้วทั้งหมดก็จะไม่สามารถทำงานได้ ต้องเหลือนิ้วหรือคนไว้ทำงาน และการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่ ต้องมีความชัดเจน และคำนึงถึงผิดเสียภาพรวม ส.ป.ก. ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องเดินหน้าในการทำหน้าที่จัดที่ดินให้เกษตรกร ด้วยความซื่อตรงและโปร่งใส
นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่ ส.ป.ก ที่ผ่านมา มีหลายพื้นที่ที่ประชาชน ไม่สามารถพัฒนาพื้นที่ทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ ส.ป.ก. ตนจึงพยายามแก้ระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องการเพิ่มมูลค่าที่ดิน จาก ส.ป.ก. 4 – 01 ให้เป็นโฉนด ซึ่งประเด็นดังกล่าว ทำให้นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งโฉนดเพื่อการเกษตร ไม่เหมือนโฉนดที่ดิน แต่เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. จัดรูปที่ดินปี 2518 ซึ่งเป็นกฎหมาย ส.ป.ก. โดยตรง และเดินตามกฎกระทรวงที่ว่าด้วยเรื่องการกำหนดกรอบการออกโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร และไม่อยากให้สังคม และนักวิชาการไปแปลงสารผิดจนเกิดความเสียหายต่อ ส.ป.ก. ซึ่งเจ้าหน้าที่ของส.ป.ก. ต้องกล้าที่จะชี้แจง ระหว่าง ส.ป.ก. 4-01 เดิม กับโฉนดที่ดินอย่างไร รวมถึงต้องพูดให้ชัดเจนกับเกษตรกรในพื้นที่ สำหรับเป้าหมายปฎิรูปที่ดินส.ป.ก.ทั้งหมด มี 22 ล้านไร่ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
“ยืนยันว่า นโยบายการดำเนินการออกโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร 22 ล้านไร่ ตามเป้าหมายที่มีอยู่ ต้องมีการปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่า 10 ต้นต่อไร่ จะทำให้ได้ต้นไม้ 220 ล้านต้น เกิดการสร้างป่า มหาศาล อย่ามาบอกว่า ส.ป.ก. ไม่รักป่า ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด รัฐมนตรีเกษตรฯทั้ง 3 คน มาจากบ้านนอก รักป่าทุกคน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ตน คือ จ.พระเยา หากพบว่าผู้นำชุมชนทำลายป่าก็จะแจ้งดำเนินคดีทันที”
สำหรับการจัดสรรพื้นที่ ส.ป.ก. จากนี้ไป เจ้าหน้าที่ต้องมีจิตสำนึก ไม่ควรจัดในพื้นที่ป่า หรือแนวเขตใกล้พื้นที่อุทยาน ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่า เพราะอาจทำให้สัตว์ป่าลงมาทำลายพืชไร่พืชสวนได้ และไม่เฉพาะพื้นที่เขาใหญ่ แต่ยังมีพื้นที่ภูหลวง จ.เลย ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน สัตว์ป่าก็จะลงมาทำลายพื้นที่ทางการเกษตร ทั้งนี้หากเกษตรกรได้รับการการจัดสรรพื้นที่ใกล้ป่าก็จะขยายที่ดินทำกินเกิดการบุกรุก และทั้งหมดคือการสร้างปัญหาไม่ใช่แก้ปัญหา ส่วนปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจะไปโทษเจ้าหน้าที่อุทยานก็ไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของเขา แต่ขอตำหนิสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวที่บิดเบือนเข้าใจผิด และไม่เป็นข้อเท็จจริง
“ทั้งนี้หากมีเจ้าหน้าที่คนใดไปสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มทุน และนำโนมินีมาสวมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ไปเรียกรับเงิน รับทองจากกลุ่มทุน และสร้างรีสอร์ตรุกพื้นที่ ส.ป.ก. หากจับได้ เตรียมพ้นจากข้าราชการและจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายวินัยร้ายแรง พร้อมย้ำว่า ก่อนจะมอบนโยบายในแต่ละครั้ง ตนได้คิดทบทวนมาแล้ว ผ่านการคิดร่วมกับที่ปรึกษาที่เคยทำงานในกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งทุกคนมีความสามารถ”
ส่วนกรณีที่มักจะมีพี่น้องข้าราชการ ถามว่าทำไมกระทรวงเกษตรมีแต่เรื่องประเด็นการทุจริต ตนจะตอบคำถามอยู่เสมอว่าเป็นเรื่องเก่าในอดีต ที่ต้องมาตามแก้ปัญหา แม้กระทั่งข้อพิพาทที่ดิน ส.ป.ก.ในพื้นที่เขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบว่ามีการรางวัดที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 และรีบออกเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดพิรุธ โดยในวันพรุ่งนี้ 7 มีนาคม 2567 กระทรวงเกษตรฯ จะพาตำรวจ ปปป. และ ปปง. ไปตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อทำให้เกิดข้อเท็จจริง และความความกระจ่าง รวมถึงดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด