วันที่ 2 มีนาคม 2567 จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่าง ส.ป.ก.กับอุทยานแห่งชาติ ว่า อยากจะรอดู ONE MAP ว่า เป็นอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่เป็นกรรมาธิการ ก็ยังไม่ชัดเจนและองค์กรที่ดูก็ย้ายไปย้ายมา แต่ก็ต้องยอมรับมีการนำพื้นที่ ส.ป.ก.ไปทำประโยชน์อย่างอื่นเยอะ ดังนั้น ควรจะมีการสังคายนา แบบไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพล เพราะมีการพูดกันว่า จะสังคายนา แต่พื้นที่ไข่แดงเต็มไปหมด จึงต้องเรียกร้องถึงความกล้าหาญทางการเมือง ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ
ส่วนหากมี ONE MAP จริงๆ จะเกิดข้อพิพาทมากขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ปัญหาที่ซ่อนไว้ใต้พรม มันจะได้เกิดเป็นความถูกต้อง แล้วจะได้ Set Zero ปัญหาที่ดินใหม่ทั้งหมด เพราะอย่างที่บอกปัญหาที่ดินมี 8 กระทรวง ก็ 8 แผนที่ คนที่เดือดร้อนที่สุดคือประชาชนดังนั้นควรจะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง รวบรวมที่ดินทุกแผนที่และเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
นายพิธา ยังกล่าวต่อด้วยว่า ป่าสงวนที่เคยเป็นป่า แต่ตอนนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม มีที่ทำการของรัฐ มีอนามัย มีโรงเรียน ก็ไม่น่าจะเป็นป่าแล้ว และที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ควรจะดึงกลับมาไม่ว่าจะนำมาเป็นป่าหรือที่ดินทำกินให้กับประชาชน ที่สำคัญคือสัดส่วนการครอบครองที่ดินที่เหมาะสม ควรจะเป็นรัฐบาลถือ 40 เอกชนถือ 60 และไปลดเรื่องของความเหลื่อมล้ำในฝั่งของเอกชนด้วย น่าจะเป็นกระดุมเม็ดแรกในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานราก
นายพิธา ยังมั่นใจว่า หากเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง ไม่เอาการเมืองเป็นที่ตั้ง ปัญหานี้จบได้แน่นอน แต่พอเอาการเมืองมาเป็นที่ตั้ง มันก็เลยมีปัญหา และขั้นตอนการทำงานมันก็ไม่ใช่แค่การขัดแย้งระหว่าง 2 หน่วยงาน แต่ถ้าแยกพื้นที่ให้ชัด และนำพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ไปอยู่ ในมือนายทุนดึงกลับมาให้หมด เหมือน Set Zero ใหม่ จากนั้นเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ใช้ท้องถิ่นเข้ามาช่วยดีกว่ารวมศูนย์อยู่ที่คณะกรรมการ เชื่อว่าปัญหานี้จะจบ