นายกฯติดตามการจัดการน้ำ สระบุรี-ลพบุรี พบข้าวราคาดี กิโลละ 11-12 บาท ตันละ 11,000 บาท ชาวนาแห่ทำนาปรังกว่า 6 ล้านไร่ เกินเป้ากว่า 3 ล้านไร่ ลั่นมุ่งทำราคาข้าวสูงขึ้นอีก

นายก

วันที่ 9 ก.พ. 2567 ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการแก้ไขปัญหาชลประทาน และการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร

นายก 1

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงได้ทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่ ก่อนเดินสำรวจพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งระหว่างที่นายกฯได้เดินดูบริเวณคลองไส้ไก่ ซึ่งเป็นคลองส่งน้ำขนาดเล็กเข้าไปยังพื้นที่เกษตรกรรม นายกรัฐมนตรีได้สอบถามการบริหารจัดการน้ำจากเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานที่จัดสรรให้กับเกษตรกรซึ่งทางกรมชลประทานได้ชี้แจงและรายงานว่าได้จัดสรรและแบ่งพื้นที่ในการส่งน้ำให้กับเกษตรกรอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะช่วงฤดูการทำนานอกฤดูกาล ทำให้ไม่มีปัญหาในการเพาะปลูก ทำให้นายกรัฐมนตรีพอใจอย่างมาก

S 78037092

นายกรัฐมนตรึ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จากการที่ได้รับสั่งการรายงานและบรรยายสรุปก็ถือว่าดี ราคาข้าวปัจจุบันกิโลกรัมละ 11 บาท คิดเป็นตันละ 11,000 บาท ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จแล้วอยู่ที่ 5,000 บาท ทั้งนี้เกษตรกรได้ร้องขอมาว่าค่าปุ๋ยปัจจุบันแพงไปสักนิด ถ้าเป็นช่วงที่ราคาพืชผลดีก็พอไหว แต่ก็ต้องระวังในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวรัฐบาลก็จะไปดูในเรื่องของราคาของปุ๋ยต่างๆ

S 78037089

“เพราะฉะนั้นรายได้ที่เหลือจริงๆก็อยู่ที่ประมาณ 6000 บาทต่อตัน ก็ถือว่าเป็นราคาที่ใช้ได้ ในฤดูกาลนี้ต่อราคาผลผลิตตันละ 11,000 บาท แต่ผมจะพยายามหาตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งทำราคาให้สูงมากยิ่งขึ้น”

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รายจ่ายที่สูงอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของค่าไฟ ซึ่งได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ศึกษาในเรื่องของโซล่าเซลล์ ซึ่งตรงนี้ถือว่าสำคัญ ซึ่งทั้งหมดก็ดีดูจากสีหน้าและดวงตาของเกษตรกร ก็มีความสุขดีจากราคาข้าวในปัจจุบันนี้

okp

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของน้ำในการใช้สำหรับเกษตรกรมีเพียงพอในการเพาะปลูกใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการปลูกข้าวนอกฤดูกาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ได้หนหนึ่งแน่นอน เพราะราคาข้าวดีก็อยากให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม ตรงนี้เข้าใจได้และหน้าที่ของกรมชลฯ จากการที่ได้ฟังรายงานและดูในรายละเอียดต่างๆแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็เข้าใจดีและเข้าใจถึงความต้องการของเกษตรกร ทำหน้าที่ตอบสนองให้กับประชาชนได้อย่างดีมาก ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณในเรื่องนี้ด้วย

ขณะเดียวกันช่วงหนึ่งระหว่างเดินทักทายประชาชน มีชาวบ้านขอให้นายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เพื่อจะได้เชื่อมโยงไปถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็รับปากและบอกว่าเป็นหนึ่งนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว พร้อมขอให้ชาวบ้านช่วยลดเรื่องการเผาเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้บริหารจัดการน้ำให้จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท – จังหวัดอ่างทอง – จังหวัดลพบุรี – จังหวัดสิงห์บุรี – จังหวัดสระบุรี – จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากปัจจุบันมีเกษตรทำนาปรังเกือบ 6 ล้านไร่ จากเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดให้ทำเพียง 3 ล้านไร่ แต่เมื่อข้าวราคาดีทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวมากขึ้น ซึ่งหากไม่บริหารจัดการน้ำจะทำให้พื้นที่นานอกเขตชลประทานมีความเสี่ยงยืนต้นตายในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง และทำให้เกษตรต้องไปขอเงินชดเชยจากรัฐบาล ฉะนั้นการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีจะเป็นการบริหารงานเชิงรุก เพื่อป้องกันก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นด้วย

ต่อมานายกฯลงพื้นที่จุดที่สอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน เดินทางมาตรวจติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองลำสนธิ พร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล ที่วัดสิงหาราม ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี 

โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงได้ไปดูการก่อสร้างเขื่อนฯ บริเวณหน้าวัดสิงหาราม โดยมีนายอำเภอชัยบาดาล กล่าวรายงาน จากนั้นเดินกล้บเข้ามาพบประชาชนที่รออยู่ในวัด แต่มีตัวแทนกลุ่มชาวไร่อ้อยในพื้นที่ได้มายื่นหนังสือพร้อมให้กำลังใจนายกฯ ที่ผลักดันราคาให้ถึง 120 บาท พร้อมขอให้ผลักดันเรื่องราคาอ้อยต่อไป

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า สส. ดูแลดีหรือไม่ ซึ่งตัวแทนบอกว่า ดูแลดี ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะระบุว่าตนจะช่วยเปิดตลาดใหม่ๆ และหาผู้ซื้อมาเยอะๆ และการที่รัฐบาลไปต่างประเทศไม่ได้เพื่อจะนำนักลงทุนมาอย่างเดียว แต่เราไปหาตลาดใหม่ๆ ให้แก่เกษตรกรด้วย พร้อมย้ำว่าเรื่องคนรากหญ้าและเกษตกรนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสระบุรีและจังหวัดลพบุรี ถึงการแก้ปัญหาชลประทานเพื่อการเกษตรและตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองลำสนธิ อำเภอชัยบาดาล ว่า บรรยากาศวันนี้ถือว่าดี ซึ่งตั้งแต่ที่สระบุรีก็เจอประชาชน โดยพูดคุยถึงเรื่องการปลูกข้าวซึ่งราคาข้าวถือว่าดี กิโลกรัมละประมาณ 11-12 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายปลูกข้าวต่อไร่ 5,000 บาท ซึ่งรัฐบาลก็ดีใจที่ทำให้ราคาข้าวสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการเงินเหลือประมาณ 6,000 บาทต่อไร่ ถือว่าพอแต่รัฐบาลจะไม่หยุดยั้ง โดยพยายามเปิดตลาดให้มากขึ้น ทั้งนี้ช่วงต้นปีตนไปพบผู้นำต่างประเทศได้มีการขายข้าวให้กับประเทศอินโดนีเซีย 2 ล้านตัน ส่วนการปลูกข้าวนาปีกับข้าวนาปรังก็ต้องทำให้ได้หนึ่งหน แต่กรมชลประทานก็มีแผนงานรองรับเพื่อให้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตรปลูกข้าว พร้อมย้ำว่า ดีใจที่สามารถทำได้

ส่วนการมาจังหวัดลพบุรีในครั้งนี้ถือว่ามาครั้งแรก ซึ่งมาดูเรื่องเขื่อนและน้ำท่วมก็ตกใจว่าปริมาณน้ำในแต่ละปีสูงเยอะ ฉะนั้นเรื่องการทำเขื่อนและการบริหารจัดการน้ำ ภายในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ตนจะให้ สส.ในพื้นที่คุยที่กรุงเทพมหานครว่าความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ทราบรายละเอียดจะได้จัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสม