นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามโครงการ “โคบาลชายแดนใต้” จากกรณีเกษตรกร “ร้องส่งโคไม่ตรงปก” 2 จุด ได้แก่ กลุ่มผู้เลี้ยงโคตันหยงลุโละ หมู่ที่ 2 ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี และเกษตรกรกลุ่มบ้านทุ่งใหญ่ หมู่ 1 ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง รอต้อนรับในพื้นที่ สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการโคบาลชายแดนใต้ เป็นโครงการระยะ 7 ปี (ปี 2565-2571) เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ จากการสร้างแปลงอาหารสัตว์ สร้างโรงเรือน การจัดซื้อแม่โคพื้นเมือง และการจัดจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลฟาร์ม เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมส่งออกสินค้าฮาลาลที่มีศักยภาพไปยังตลาดโลกมุสลิม ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าในระยะ 4 ปี โดยในระยะแรกตั้งเป้าหมายให้มีโคในพื้นที่เพิ่มขึ้น 3,000 ตัว และตลอดโครงการจะมีโคที่พร้อมออกสู่ตลาดฮาลาล ไม่น้อยกว่า 50,000 ตัว
รัฐมนตรีช่วยฯ ไชยา กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการในครั้งนี้ เพื่อให้กำลังใจและรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการโคบาลชายแดนใต้ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มุ่งหวังให้อาชีพการเลี้ยงปศุสัตว์เป็นอาชีพหลักที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมผลักดันให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดียิ่งขึ้น โดยมอบนโยบายให้กรมปศุสัตว์ดูแลการตรวจรับแม่โคให้ตรงตามคุณลักษณะปลอดโรค ปลอดภัย เป็นแม่โคพร้อมท้อง และมีเอกสารรองรับที่มาของโค พร้อมแก้ไขปัญหาโคที่ไม่ตรงคุณลักษณะตามตกลงให้ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการแบกรับลดทุนของเกษตรกรและให้การดำเนินโครงการในระยะถัดไปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากโคตัวใดที่ตรวจรับแล้ว มีปัญหาสามารถส่งเคลมกับฟาร์มที่จำหน่ายได้ตามเงื่อนไขสัญญา หรือหากเกษตรกรต้องการจัดซื้อโคด้วยตนเอง สามารถทำได้เช่นกัน อาทิ การซื้อโคจากฟาร์มปลอดโรคที่ได้รับการตรวจจากกรมปศุสัตว์แล้วที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร สำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ต้องการจัดทำธนาคารโค-กระบือขอให้กรมปศุสัตว์ดูแลในส่วนนี้รวมถึง พร้อมนำแนวทางการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทำอาหารแปรรูปส่งตะวันออกกลางที่ตัวแทนเกษตรกรเสนอนำเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการโคบาลชายแดนใต้ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวงมหาดไทย ในช่วงสัปดาห์นี้ อีกด้วย
นายไชยา กล่าวว่า หากการดำเนินการในอนาคตมีการส่งมอบวัวไม่ถูกต้องตามลักษณะ ไม่สวยงาม ติดโรค ขอเกษตรกรไม่ต้องเกรงใจ เพราะสามารถเปลี่ยนได้ตามสัญญา อย่าเซ็นรับ พร้อมยืนยันว่า การปฏิเสธไม่รับพันธุ์วัวไม่ผิดกฎหมาย แต่หากเกษตรกร ยอมเซ็นรับถือเป็นความรับผิดชอบของเกษตรกรที่จะต้องแบกรับภาระ และย้ำว่า ปัญหาในโครงการที่เกิดขึ้น จะมีการพิจารณาเพื่อปรับแก้เงื่อนไขต่อไป
“หากเกษตรกรพบปัญหาภายหลัง ก็สามารถแจ้งผ่านกำนัน วิสาหกิจชุมชน หรือ สส.ในพื้นที่เพื่อสะท้อนมายังตนเองได้ ส่วนวัวที่ยังไม่ตั้งท้อง กรมปศุสัตว์ ได้มอบหมายให้ปศุสัตว์จังหวัด และอาสาสมัคร เข้าไปช่วยดูแลวัวของเกษตรกรที่ยังไม่ตั้งท้อง เพื่อตรวจเช็กความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์”
เกษตรกรพื้นที่ยัน”โคบาลชายแดนใต้”ตรงปก
ด้านเกษตรกร ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ส่วนใหญ่ยืนยันว่า วัวที่เกษตรกรได้รับในพื้นที่บ้านปะนาเระไม่มีปัญหา และพอใจกับวัวที่ได้รับ น้ำหนักถึงเกณฑ์ 165 กิโลกรัมโดยประมาณ สามารถตั้งท้องได้ มีระยะเวลาประกันคุณภาพ 1 ปี พร้อมเห็นว่า การเลี้ยงวัวอยู่ที่ความใส่ใจของเจ้าของที่เลี้ยง พร้อมขอให้รัฐบาล ผลักดันให้ชายแดนใต้เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล ตามนโนบายที่เคยมีมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จ