รัฐมนตรีเกษตร เผยข่าวดี ยอดส่งออกสินค้าปศุสัตว์เพียงแค่ 5 เดือนแรกปี 65 รวมแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 21% ชี้ครึ่งปีหลังยังปัง ส่งออกเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยข่าวดีว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ทั่วโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น มีการเปิดประเทศและอุตสาหกรรมเศรษฐกิจทั่วโลกมีการขยายและฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยเป็นที่ต้องการทั่วโลก โดยเพียงแค่ 5 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) ยอดส่งออกยังคงพุ่งแรงเทียบกับ 5 เดือนแรกปี 2564 ก่อน
รวมมูลค่ากว่า 106,656.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.82 % ปริมาณกว่า 1,014,611 ตัน เพิ่มขึ้น 2.08% ผลจากความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าในการตรวจสอบ กำกับและควบคุมกระบวนผลิตด้านความปลอดภัยอาหารของกรมปศุสัตว์ ประเทศไทย เผยครึ่งปีหลังคาดการณ์จากเจรจาและเปิดตลาดคู่ค้าเพิ่มสำเร็จ ผลทำให้การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยยังคงพุ่งปังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหน้าที่ในการกำกับควบคุมดูแลการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ให้ได้คุณภาพมาตรฐานเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยอาหารตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (Good Hygiene Practices: GHPs) และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points: HACCP) สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้า และตามหลักสากล
โดยยอดส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) เปรียบเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 ( 5 เดือนแรกปี 64 ปริมาณ 993,916 ตัน มูลค่า 88,277.50 ล้านบาท) มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 2.08% มูลค่าเพิ่มขึ้น 20.82% ซึ่งในช่วงแค่ 5 เดือนแรกของปี 2565 นี้ได้มีการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปแล้วปริมาณกว่า 1,014,611 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 106,656.17 ล้านบาท
แบ่งเป็นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูปปริมาณ 415,348.23 ตัน มูลค่า 54,016.07 ล้านบาท (สินค้าประเภทเนื้อไก่แปรรูปมากที่สุดคิดเป็น 61% คู่ค้าหลักคือญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป) สินค้ากลุ่ม Non-frozen ประกอบด้วย ไข่และผลิตภัณฑ์ไข่ นมและผลิตภัณฑ์นม น้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์ผึ้งรังนกและผลิตภัณฑ์รังนก ซุปไก่สกัด อาหารกระป๋อง และอื่นๆ รวมปริมาณ 125,077.39 ตัน มูลค่า 10,784.77 ล้านบาท (สินค้านมและผลิตภัณฑ์นมมากที่สุดคิดเป็นประมาณ 80%
รองลงมาคือกลุ่มสินค้าไข่และผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าปลากระป๋อง ตามลำดับ) อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) ปริมาณ 366,317.07 ตัน มูลค่า 36,888.73 ล้านบาท (อาหารสัตว์เลี้ยงในภาชนะบรรจุปิดสนิทมากที่สุด รองลงมาคืออาหารเม็ด คู่ค้าหลักสำคัญคือ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป) และอาหารปศุสัตว์ปริมาณ 107,868.31 ตัน มูลค่า 4,966.61 ล้านบาท (เป็นปลาป่นมากที่สุด รองลงมาคืออาหารสำเร็จรูปและพรีมิกซ์ ตามลำดับ)
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งหลังปี 65 นี้ ได้มีการเจรจาเปิดตลาดและขยายตลาดการส่งออก ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเพิ่มปริมาณและมูลค่าได้อย่างต่อเนื่องจากสิงคโปร์มีการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ปีกดิบทำให้ไทยส่งออกได้มากขึ้น
มาเลเซียมีการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากไทยมากขึ้นและจะมาตรวจประเมินพิจารณาขึ้นทะเบียนโรงงานนมเพิ่มเติม องค์การอาหารและยาของซาอุดิอาระเบีย (SFDA) อนุญาตให้นำเข้าไก่จากไทยได้หลังจากที่ระงับมานานและได้ขึ้นทะเบียนโรงงานสัตว์ปีกไทยเพิ่มอีก 11 โรงงาน ทำให้เป็นโอกาสในการเพิ่มตลาดส่งออกได้มากขึ้น
นอกจากนี้แคนาดา จะตรวจประเมินโรงงานสัตว์ปีกเพื่อพิจารณาการนำเข้าเนื้อเป็ดแปรรูปปรุงสุกจากไทย และอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นที่ต้องการในตลาดโลกส่งออกเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโรงงานผลิตอาหารคนที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้วกว่า 337 แห่ง และโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแล้วกว่า 90 แห่ง
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการข่าวสารหรือข้อมูลเพิ่มเติมสามารถค้นหาได้ที่ www.dld.go.th หรือที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง